สาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถดึงดูดสิ่งที่ต้องการเข้ามาได้
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า abundance นั้นคือ
พลังงานของความมั่งคั่ง ทีนี้ถ้ามีอะไรมาบล็อกก็จะทำให้พลังงานนั้นไม่ลื่นไหล ทำให้เกิดการติดขาด ขาดแคลน แล้วอะไรล่ะ? ที่เป็นตัวบล็อกเราทำให้พลังงานของเราไม่ลื่นไหล เดี๋ยวเราจะมาคุยกัน
เคยได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ร่างกายของเราเองนั้นก็เป็นพลังงานเช่นเดียวกัน แต่เรามีตัวตนเป็นฟอร์ม เป็นรูปแบบ นั่นเองทำให้เราสามารถรับรู้ได้ สัมผัสได้ ที่เรียกว่าประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสนั่นเอง
แต่พลังงานนั้นไม่มีรูปฟอร์ม เป็นคลื่นความถี่ ก็จะล่องลอยแตะต้องไม่ได้ แต่เมื่อมีบางสิ่งบางอย่างที่ถูกเก็บไว้ในความทรงจำของพลังงานมวลนั้น มันก็จะกระจัดกระจายอยู่ วนๆ อยู่อย่างนั้น
ยกตัวอย่าง
ที่บอกว่าตัวเรานั่นแหละ ก็คือ ตัวบล็อกพลังงานของเรานั่นเอง หมายความว่าอย่างไร?
ให้นึกดูนะว่าถ้าตัวเราเองนั้นไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว จะรู้สึกตัวหนักๆ เป็นกันบ้างหรือไม่? นั่นเป็นเพราะพลังงานนั้นเป็นรูปของคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน คลื่นความถี่ระดับต่ำเช่น ความขี้เกียจ ความเหงา ความเศร้า จะทำให้พลังงานไม่ค่อยเคลื่อนไหว ส่งผลให้ตัวเรานั้นก็ไม่ต้องการขยับเขยื้อนร่างกายไปด้วย จะเนือยๆ เฉื่อยๆ ส่วนคลื่นความถี่พลังงานระดับสูงนั้น เช่น ความกระตือรือล้น ความสุข ความรัก จะส่งผลให้ร่างกายของเราต้องการขยับให้พลังงานได้เคลื่อนไหวอย่างไหลลื่น ดังนั้นเมื่อเรารักษาระดับคลื่นความถี่พลังงานของตัวเองให้สูงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ร่างกายต้องการจะเคลื่อนไหวตลอดเวลาเช่นกัน
แต่ต้องแยกแยะกันอีกเรื่อง ที่เคยมีคำถามมาว่านั่นหมายถึงการออกกำลังกายใช่หรือไม่? จะบอกว่าก็ไม่ใช่สะทีเดียว เนื่องจากการออกกำลังกายนั้นเป็นการขยับร่างกาย อวัยวะภายนอก ที่ส่งผลให้การเต้นของหัวใจดีขึ้น การสูบฉีดทำงานดีขึ้น แต่การเคลื่อนไหวที่คุยกันตรงนี้หมายถึง การอนุญาตให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวได้อย่างครบวงจรทั้งอวัยวะภายใน ไหลลื่นไปตามจักระต่างๆ ของร่างกายที่เป็นเส้นทางเดินของพลังงาน สัมผัสได้ถึงพลังความสั่นสะเทือนภายใน
และเมื่อใดที่ร่างกายของเรา สามารถประสานกับพลังงานภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ก็จะสร้างสุขภาพที่ดีทั้งภายในและภายนอกได้ ทำให้เราเป็นคนที่มีสุขภาพที่ดี มีพลังงานเปล่งออร่ารอบตัวจนสามารถสัมผัสได้
ทีนี้สิ่งที่เราต้องรู้อีกก็คือ ความคิดนัั้นส่งผลกับความรู้สึก ดังนั้นเมื่อเราคิดบวก เราก็จะอยู่ในคลื่นความถี่พลังงานที่สูง แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า แล้วเราจะรักษาระดับความคิดของเราให้บวกอยู่ตลอดเวลาได้อย่างไร? เพราะหลายๆ ครั้งที่ถูกมรสุมความคิดลบประเดประดังเข้ามาการจะให้คิดบวกก็ทำไม่ได้ง่ายเลย
นั่นเป็นที่มาของการขยับร่างกาย อนุญาตให้การเคลื่อนไหวของร่างกายปรับเปลี่ยนความคิดให้กลับขึ้นมาอยู่ในคลื่นความถี่ของระดับพลังงานที่สูงกว่าได้
อย่างที่บอกไป abundance คือมวลพลังงานที่มีคลื่นความถี่สูง ดังนั้นถ้าคลื่นความถี่ของเราดี เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่สามารถไปจูนกับพลังงาน abundance ได้ เพราะออร่าของพลังงาน abundance นั้นก็สามารถแผ่กระจายได้ในรัศมีที่กว้างไกลมาก
มีหลายคนเคยถามว่า ถ้าพูด affirmation ทุกวันนั้นจะส่งผลให้เราสามารถดึงดูดสิ่งที่ต้องการได้หรือไม่? ตรงนี้ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า มันเป็นเรื่องของความรู้สึกด้วย ถ้าเราสักแต่พูดๆ ท่องๆ ไป แต่ไม่ได้มีความรู้สึกร่วม หรือยังไม่รู้สึกว่าสิ่งนั้นเราเป็นมันแล้วมันก็ยากที่จะได้ผลลัพธ์ เปรียบเสมือน “จินตนาการที่ไร้ความรู้สึก ก็เปรียบเสมือนคำพูดที่ไร้น้ำหนัก” ประมาณนั้น
หลักๆ สิ่งที่ทำให้เราไม่สามารถดึงดูดสิ่งที่ต้องการได้นั้นมาจาก
-เราไม่รักตัวเอง
-เราไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
-เราไม่นับถือตัวเอง
-เราไม่เชื่อว่าตัวเองดีพอ
-เรามีความคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสิ่งที่ดีดีนั้น
-เรามีความรู้สึกผิดในใจจากความเชื่อเดิมๆ ที่เคยถูกปลูกฝังมา
ทั้งหมดนี้ต้องมาทำการเคลียพลังงานลบเหล่านี้ หรือเคลียความเชื่อดั้งเดิมที่ติดมากับพลังงานในเรื่องของความไม่ดีพอ รวมถึงคำมั่นสัญญาที่เคยมีให้กับใครบางคนไว้ คำอธิษฐานต่างๆ ที่ได้เคยไปบนบานศาลกล่าวเอาไว้ด้วย ซึ่งเป็นเหมือนบ่วงคอยรั้งเราไม่ให้ได้ก้าวข้ามออกจากสิ่งที่เป็นอยู่เดิมนั่นเอง
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ
Facebook Group : https://web.facebook.com/groups/iseeyouweseeyou
Facebook Fanpage : https://web.facebook.com/VirinaMethod
Meetup : https://www.meetup.com/th-TH/redesignnewlife/events/275446698/